ออกแบบตกแต่งภายใน ควรเริ่มจากตรงไหนดี?
1. วางแผนไอเดียออกแบบตกแต่งภายใน
ก่อนการเริ่มออกแบบตกแต่งภายใน สิ่งแรกที่เราควรรู้คือ ทำความเข้าใจในความต้องการของตัวเอง ว่าสิ่งที่เราต้องการตกแต่งนั้น ต้องการให้มีรายละเอียดอะไร มีห้องอะไรบ้าง อยากให้มีฟังก์ชันการใช้งานเป็นอย่างไร ตำแหน่งอยู่ตรงไหน หากเราไม่มีการกำหนดฟังก์ชันที่ชัดเจน อาจทำให้เสียเวลาในการปรับแบบภายหลังได้ เช่น เราสรุปกับนักออกแบบตกแต่งภายในไปแล้วแบบนึง แต่มานึกออกทีหลัง เช่น คิดว่าต้องมีห้องเก็บของเพิ่ม มีห้องนอนผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้นักออกแบบภายในต้องมารื้อแบบใหม่อีก
2. คิด Concept ออกแบบตกแต่งภายใน
เมื่อเราวางแผนความคิด ความต้องการต่างๆของเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่การออกแบบตกแต่งภายใน โดยสิ่งที่ต้องทำคือ กำหนด concept ซึ่งจะช่วยให้การตกแต่งบ้านของคุณออกมาในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกัน ซึ่งจะต้องคำนึงถึงแนวความคิดในการออกแบบ สไตล์ สีและบรรยากาศรอบๆ วัสดุต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ เช่น เรากำหนด concept การออกแบบตกแต่งภายในว่า อยากที่จะทำบ้านเล็กๆเหมือนรีสอร์ท เราจะพยายามหาลูกเล่นว่า อะไรที่จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรีสอร์ทดี อาจจะใช้วัสดุจากธรรมชาติในการออกแบบตกแต่งภายใน ให้มีช่องแสง หน้าตาที่สามารถรับวิวได้
3. อาจมีค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแฝงโดยไม่รู้ตัว
ในการออกแบบตกแต่งภายใน บางครั้งเราต้องจ้างนายหน้าช่วยในการประสานงาน หาบ้านหรือคอนโดต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราสะดวกมากขึ้น แต่ก็ส่งผลให้ค่านายหน้าของ Agent เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น นายหน้านอกจากจะได้ค่าบริการตามที่ตกลงกับลูกค้าแล้ว ยังได้รับจากทางผู้รับเหมาตามที่ตกลงอีกด้วย นั่นหมายความว่า ราคางานก่อสร้างงานออกแบบตกแต่งภายในที่ผู้รับเหมาเสนอมาให้กับลูกค้า ก็ยังมีค่าบริการส่วนนี้รวมไปด้วยโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัว วิธีการป้องกันก็คือ เราควรเปรียบเทียบราคากับหลายๆ Agent ดู Agent ที่เราสนใจ แต่ก็ต้องพิจารณาถึงคุณภาพของนักออกแบบตกแต่งภายในแต่ละคนด้วย
4. นักออกแบบตกแต่งภายใน
สิ่งที่สำคัญทที่สุดคือ การเลือกนักออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดี ไม่ควรที่จะคัดเลือกจากผลงานที่นำเสนอออกมาเพียงอย่างเดียว เราควรดูที่ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาเป็นหลัก เนื่องจากในปัจจุบันสามารถตกแต่งภาพออกมาให้สวยเป็นผลงานของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องยากผ่านการใช้เทคโนโลยี หรือการใช้ Software ต่างๆ ทำรูปออกมาให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วยังมีรายละเอียดอื่นๆที่สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางพื้นที่ เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับงบประมาณ ประสบการณ์ทำงาน
การเลือกจ้างนักออกแบบตกแต่งภายใน หรือสถาปนิก ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องหาคนที่มีประสบการณ์ ความชำนาญ เชี่ยวชาญ เพราะนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีประสบกาณ์จะรู้ว่าจะต้องทำยังไงให้บ้านเราออกมาดูดีและฟังก์ชั่นการใช้งานครบ ทั้งยังทำภาพจำลองบรรยากาศ หรือ ภาพ 3D หรือ Tive เป็นภาพจำลองทัศนียภาพให้เราเห็นเป็นภาพก่อน
หากคุณกำลังมองหานักออกแบบตกแต่งภายในมากประสบการณ์ ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ที่ Fastwork เรามีนักออกแบบตกแต่งภายในมืออชีพ มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ให้คุณได้เลือกมากมาย สามารถเข้ามาเลือกดูฟรีแลนซ์ของเราได้ก่อนที่ https://fastwork.co/architect-and-interior
พื้นที่ห้องซักล้างไม่มี จะจัดเครื่องซักผ้ายังไงให้สวยดี?
บ้านพื้นที่จำกัด ยังคนเป็นปัญหาสำหรับหลายๆคน ซึ่งพอเราซื้อบ้านก็อยากจะทำออกมาให้สวยที่สุด เครื่องซักผ้าและอุปกรณ์ในการจัดการผ้าก็มักจะเป็นอีกสิ่งที่ต้องใช้งานบ่อย แต่จัดยังไงก็ดูไม่ลงตัวซักที วันนี้เรามีไอเดียสำหรับการจัดส่วนของเครื่องซักผ้าและการจัดการผ้ามาฝากกันค่ะ
- ทำประตูกั้นห้อง เมื่อจัดยังไงก็ไม่ลงตัว ทางแก้อย่างง่ายและดูเป็นระเบียบมากที่สุดคือการทำประตูกั้น จะเป็นเพียงประตูบานเลื่อนในพื้นที่ส่วนเกินที่ยังเหลือ หรือจะเป็นบานพับ ก็จะช่วยให้บ้านสวยขึ้นอีก เพราะช่วยปกปิดมุมที่ไม่น่ามองของบ้าน และจัดให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นอีกด้วย
2. นำไปรวมกับห้องครัว คล้ายกับการทำในรูปแบบของคอนโด เนื่องจากเป็นห้องที่ต้องมีการใช้สอยเป็นประจำ และเป็นห้องที่จะต้องมีการทำความสะอาดบ่อยอยู่แล้ว การวางเครื่องซักผ้าในห้องครัว ก็ถือว่าเป็นการตกแต่งห้องครัวไปในตัวด้วยอีกส่วนหนึ่ง
cr. www. houzz.com/photos/contemporary-laundry-room-ideas-phbr1-bp~t_753~s_2103
ไอเดียแต่งคอนโดสำหรับห้องขนาดเล็ก แต่ของเยอะ!
คอนโดส่วนใหญ่ที่คนทั่วไปนิยมซื้อกันก็จะเป็นขนาดห้อง studio หรือ 1 ห้องนอน ซึ่งขนาดจะไม่ได้ใหญ่ อย่างมากก็ 35 ตร.ม. สำหรับห้องขนาด 1 bedroom plus ซึ่งเหมือนกับว่าจะได้เป็น 2 ห้องนอน แต่ก็มีขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ดี วันนี้น้องไอเดียมีไอเดียดีๆสำหรับคนที่มีคอนโดห้องเล็กแต่ของเยอะมาฝากกันค่ะ
- ห้องนอน ทำทุกพื้นที่ในห้องให้เป็นพื้นที่ใช้สอย อย่างเตียงนอนของเรา โดยทั่วไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่ด้านล่างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เพียงนำมาเป็นที่เก็บของ จะใส่กระเป๋าเดินทาง หรือของกระจุกกระจิกอื่นๆ ที่นานๆใช้ที นอกจากช่วยเก็บของได้เยอะขึ้น ยังเหมือนเป็นการช่วยแต่งห้องให้สวยขึ้นอีกด้วย
2. ห้องครัว ไม่ต้องซื้อโต๊ะทานอาหารให้ใหญ่โต คอนโดส่วนใหญ่อยู่กัน 1-2 คนอยู่แล้ว ดังนั้นทำเป็นเคาน์เตอร์บาร์เก๋ๆ เป็นมุมทานข้าวก็ได้ ถ่ายรูปก็ดี แถมประหยัดพื้นที่ จะใช้วางอาหารหลังจากทำเสร็จ ทำเป็นที่ใส่ของด้านล่าง หรือทำเป็นโต๊ะบาร์ขนาดเล็กให้เก้าอี้สามารถเก็บได้ไม่เกะกะทางเดินก็สวยไปอีกแบบ
3. ห้องน้ำ เพียงเพิ่มชั้นวางของหรือตู้เก็บของตรงพื้นที่ว่าง ลองทำเป็นแบบโปร่ง ไม่ปิดทึบแต่จัดของให้เป็นระเบียบ ก็จะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น ของก็น่าหยิบใช้เพิ่มขึ้น
3 เทคนิคเลือกกรอบรูปติดผนัง ให้ปังและเข้ากันกับทุกพื้นที่ภายในบ้าน
บ้านหรือคอนโดถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว และให้ความรู้สึกอบอุ่น หลายๆ คนจึงให้ความสำคัญกับการตกแต่งเพื่อเป็นการเติมเต็มให้พื้นที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสไตล์บ้าน สีที่ใช้ เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและสไตล์ของเจ้าของบ้าน หรือการใช้ของตกแต่งอื่นๆ เพื่อทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรอบรูปติดผนัง ที่นอกจากจะช่วยตกแต่งพื้นที่โล่งๆ บนผนังห้องแล้ว ยังเป็นตัวบอกรสนิยม ความคิด และสื่อความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย งั้นเรามาดูเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกกรอบรูปติดผนังห้องกันดีกว่าค่ะ
ขั้นตอนในการเลือกกรอบรูปติดผนัง
1.กรอบรูปติดผนังต้องเป็นไซส์ที่ใช่
ก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนการเลือกรูปที่จะนำมาติดผนังว่าควรเป็นสไตล์ไหน สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือ ขนาดของกรอบรูปติดผนัง จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของผนังห้องเสียก่อน ลองนึกภาพว่าเป็นผนังแคบ แต่เราเลือกขนาดกรอบรูปติดผนังที่กว้างมากเกินไป จะทำให้มองแล้วรู้สึกอึดอัด อารมณ์เหมือนการใส่เสื้อผ้าไซส์เล็กเกินไป ดังนั้นขั้นแรกให้ดูขนาดของผนังก่อนนะคะ
สำหรับผนังห้องที่มีความแคบ ควรใช้กรอบรูปติดผนังไซส์เล็ก หรือกรอบรูปที่มีด้านกว้างน้อยกว่าด้านยาว เพื่อให้ลงตัวกับผนังแคบ และเหลือพื้นที่รอบกรอบรูป ไม่ให้อึดอัดมากเกินไป อย่างกรอบรูปติดผนังรุ่นบัลโด้
อีกปัญหาที่พบคือการเลือกกรอบรูปติดผนังสำหรับผนังที่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะการจะใช้รูปภาพที่ใหญ่มากๆ เพื่อให้พอดีกับผนัง อาจตามมาด้วยเรื่องของราคากรอบรูปติดผนังที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นขนาดกรอบรูปที่ตอบโจทย์ คือกรอบรูปไซส์เล็ก แต่ใช้เทคนิคการแขวนกรอบรูปเป็นกลุ่มหรือที่เรียกว่า Gallery wall แทน การใช้เทคนิคนี้จะทำให้ได้ทั้งความหลากหลายของรูป และขนาดพื้นที่กรอบรูปที่ลงตัวกับผนังใหญ่ๆ อีกด้วยค่ะ
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องนึกถึงในขั้นตอนการเลือกไซส์กรอบรูปติดผนัง คือการวัดไซส์ผนัง ในกรณีที่ต้องการแขวนกรอบรูปไว้เหนือหัวเตียง หรือเหนือชั้นวางต่างๆ อย่าเผลอวัดไซส์จากผนังทั้งด้าน แต่ให้วัดไซส์จากพื้นที่ที่เหลือหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แล้ว เพราะจะได้พื้นที่จริง ที่เราจะใช้แขวนกรอบรูปนะคะ
2.เลือกตำแหน่งแขวนกรอบรูปติดผนังให้เด่นแบบไม่ดรอป
เมื่อได้ขนาดกรอบรูปติดผนังคร่าวๆ แล้ว ต่อมาจะเป็นการเลือกตำแหน่งที่จะแขวนกรอบรูป ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากตำแหน่งเป็นจุดปะทะกับสายตา เมื่อเราเดินเข้ามาในห้อง หรือมองไปที่ผนัง กรอบรูปจะเด่นหรือดรอป ตำแหน่งที่แขวนจะเป็นตัวบ่งบอกในเรื่องนี้ หลักการง่ายๆ หากเราไม่แน่ใจว่าจะติดตรงไหนดี ให้ติดกรอบรูปให้อยู่ในระดับสายตาของเราเองหรือผู้อยู่อาศัยในบ้าน เพราะจะทำให้ง่ายต่อการเห็นกรอบรูปที่สุด
สำหรับการติดกรอบรูปแบบ Gallery Wall อาจทำให้เกิดความยุ่งยากและข้อสงสัย ว่าจะเลือกตำแหน่งยังไงบนผนังดี เริ่มต้นให้เรากำหนดตำแหน่งของกรอบรูปที่ต้องการให้อยู่ใจกลางของกลุ่มกรอบรูปทั้งหมด หรือกำหนดจุดกึ่งกลางให้อยู่ในระดับสายตาเช่นกัน หลังจากนั้นจึงค่อยนำกรอบรูป มาแขวนขยายออกไปจากรูปที่เป็นจุดศูนย์กลางหรือจุดที่เรากำหนดไว้นั่นเอง ข้อควรระวังเล็กๆ สำหรับการแขวนกรอบรูปเป็นกลุ่ม ไม่ใช่รูปทรงของ Gallery wall แต่เป็นการแขวนกรอบรูปแต่ละชิ้น โดยให้มีพื้นที่ห่างระหว่างกรอบรูป และเท่าๆ กัน จะช่วยทำให้กรอบรูปทั้งหมดดูลงตัวมากยิ่งขึ้น ในตำแหน่งบนผนังที่ถูกต้อง
เพิ่มเติมสำหรับใครที่ต้องการแขวนกรอบรูปบนกำแพงทางลงบันได เนื่องจากจุดที่เดินผ่านและมองเห็นกำแพงค่อนข้างแคบ ให้เราใช้หลักการแขวนกรอบรูปในระดับใบหน้า และแขวนกรอบรูปลดหลั่นกันไปตามขั้นบันไดได้เลยค่ะ
3.กรอบรูปติดผนังที่เข้ากับบ้าน และสื่อสารความเป็นตัวตน
สไตล์หรือรูปที่เราเลือกมาเป็นแขวนเป็นกรอบรูปติดผนัง จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัว เป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรเลือกให้เหมาะสมกับประเภทห้อง และสไตล์การตกแต่งบ้าน ซึ่งจะทำให้ห้องทั้งห้อง ลงตัวในทุกมุมมอง ไม่ว่าสี เฟอร์นิเจอร์ และกรอบรูปติดผนังที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามรูปด้านบนที่เน้นไปในโทนเขียวขาว ธีมธรรมชาติแบบ Botanical
เรื่องของสไตล์กรอบรูปติดผนัง ไม่เพียงแต่ต้องพิจารณาจากรูปที่อยู่ในกรอบเท่านั้น แต่รวมไปถึงรูปแบบของกรอบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสี รูปทรง ความหนา และประเภทวัสดุหรือลวดลายของกรอบรูป ที่ต้องเลือกให้ล้อไปกับสไตล์ของห้อง ไม่ว่าจะน้อยแต่มากอย่างกรอบรูปรุ่นบัลทาซ่า อบอุ่นย้อนยุคแบบ Vintage อย่างกรอบรูปรุ่นเบิร์ด หรือกรอบรูปที่ปลุกความสดใสในตัวคุณอย่างรุ่นสแกนดี้ และในกรณีที่แขวนกรอบรูปมากกว่าหนึ่งชิ้น ให้เลือกสไตล์ของรูปและกรอบรูปเพียงสไตล์เดียวเท่านั้น เพื่อให้เกิดความลงตัวซึ่งกันและกันนะคะ
ช็อปกรอบรูปติดผนังออนไลน์ที่ Indexlivingmall
หวังว่า 3 เทคนิคง่ายๆ ในการเลือกกรอบรูปติดผนังคงจะช่วยให้ทุกคนนำไปประยุกต์ใช้เพื่อตกแต่งห้องและมุมต่างๆ ในบ้านให้ลงตัวมากยิ่งขึ้นนะคะ สำหรับใครที่ต้องการเลือกกรอบรูปติดผนังเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนแล้วละก็ สามารถเข้าไปช็อปออนไลน์ได้ง่ายๆ ที่ Indexlivingmall ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และไม่ต้องปวดหัวกับสภาพการจราจรอีกด้วยค่ะ เหลือเวลาไปนั่งชิวๆ ผ่อนคลายได้อีกเยอะ ขั้นตอนง่ายๆ เพียง 3 Step
1.คลิ๊กเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ Indexlivingmall เลือกสินค้าที่ต้องการลงในตะกร้า พร้อมตรวจสอบจำนวนสินค้า
2.หลังจากนั้นให้กรอกข้อมูลที่จำเป็นในการจัดส่งลงไปได้เลย พร้อมตรวจสอบค่าจัดส่ง
3.เลือกช่องทางการชำระเงิน แต่พิเศษไปกว่านั้นสำหรับการช็อปผ่านออนไลน์ สามารถใส่ Code ส่วนลดได้อีกด้วยค่ะ
*สำหรับใครที่สมัครรับข่าวสารเพิ่มเติม Indexlivingmall ยังมี Welcome Gift สำหรับ Shop Online ให้ใช้เป็นส่วนลดได้อีก 200 บาทเลยนะคะ เพียงกรอกอีเมล์ (ด้านล่างเว็บไซต์ Indexlivingmall) Code ส่วนลดจะส่งไปที่อีเมล์ของคุณ แค่นี้ก็สามารถนำ Code ส่วนลดมาใช้ได้เลย ง่ายและคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!*
บ้านสแกนดิเนเวีย อีกหนึ่งสไตล์ความสวย เรียบหรู ที่ดูดีสบายตา
บ้านสไตล์สแกนดิเนเวีย เป็นบ้านที่มาพร้อมสไตล์การตกแต่งที่เป็นสีขาวเสียเป็นส่วนใหญ่ ให้ความโปร่งโล่ง รู้สึกสบายตา ในขณะเดียวกันก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นโมเดิร์น บางการตกแต่งยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเรียบหรู แต่ดูดี ทำให้บ้านสะอาดสะอาดแลดูสบายตาและน่าอยู่ยิ่งนัก เราไปดูกันดีกว่าว่าบ้านสแกนดิเนเวียสวยๆ แต่ละห้อง แต่ละส่วนจะสวยงามเพียงใด Read more →